ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะเริ่มต้นใหม่หรือเริ่มต้นที่จะรักใครได้อีกแล้ว หลังจากที่ฉันโดนใครคนหนึ่ง ใครคนที่เคยเป็นที่รัก ใครคนที่ฉันเคยห่วงใย..เขาทำร้ายฉันอย่างเลือดเย็น..แต่ฉันไม่โทษเขาหรอกนะ ฉันคงเป็นฝ่ายผิดมากกว่า ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยรักใคร พอมีเขา ฉันจึงทุ่มเททุกอย่างให้กับเขา และพอฉันโดนเขาทำร้ายโดยการที่เขาทิ้งฉันไปแต่งงานกับคนอื่น ฉันจึงเสียใจอย่างมาก
ฉันปิดตัวเอง ไม่ยอมรับใครเข้ามาในชีวิต เกือบ 2 ปีที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แต่ยังไงฉันก็ต้องขอขอบคุณเขานะ อย่างน้อยเขาก็สอนให้ฉันรู้จักความรัก และรู้ว่าถ้าฉันคิดจะมีความรักใหม่ ฉันคงต้องใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์....
แต่แล้ววันหนึ่งใครจะคิดหล่ะว่า หัวใจของฉันกลับเปิดรับผู้ชายอีกคนหนึ่งเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงแม้ฉันจะยังไม่แน่ใจในความรักครั้งนี้ของฉันนัก แต่ฉันก็บอกตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าความรักครั้งนี้ของฉันจะจบลงด้วยดีหรือต้องจากกันก็ตาม มันก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะรับใครเข้ามาในชีวิต..
ฉันจะดูแลคนของฉันให้ดีที่สุด อย่างน้อยถ้าคน 2 คนไปด้วยกันไม่ได้ แต่คน 2 คนก็ยังจะมีเรื่องราว ที่ดีๆ เอาไว้เป็นความทรงจำ ที่เมื่อนึกถึงกันเมื่อไหร่ก็ยังยิ้มได้อยู่เสมอ แต่ถ้าคน 2 คนไปด้วยกันได้ มันก็คงจะเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด ที่ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉัน ได้คนพบรักแท้เสียที หลังจากที่เดินทางมายาวไกลบนเส้นทางแห่งความรัก
สำหรับคนที่กำลังมีความรัก ฉันก็อยากจะให้ใช้สมองในการพิจารณามากกว่าใช้อารมณ์ แต่สำหรับคนที่พึ่งสูญเสียความรักไป อย่าท้อแท้วันนึงความรักจะเดินทางเข้ามาทักทายคุณเอง เพียงแต่คุณอย่าปิดตัวเอง จงเปิดใจให้กว้างเพื่อยอมรับรักแท้ที่กำลังเดินทางเข้ามา และ สำหรับคนที่กำลังมองหาความรัก.. คุณเชื่อฉันซิ.. ความรักก็กำลังเดินทางมาหาคุณเช่นเดียวกัน....
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=499
วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551
คนเดิม ...
Let me be the same old self
Let me fill you up with power and strength
Let me care for you through night and day
Let me be the one you always think to when you fail
ขอเป็นคนดีคนเดิม
ขอเป็นคนเติงกำลังใจ
ขอเป็นตนคอยห่วงใย
ขอเป็นคนเดียวในความคิดถึง
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=154
Let me fill you up with power and strength
Let me care for you through night and day
Let me be the one you always think to when you fail
ขอเป็นคนดีคนเดิม
ขอเป็นคนเติงกำลังใจ
ขอเป็นตนคอยห่วงใย
ขอเป็นคนเดียวในความคิดถึง
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=154
การเวลาเพียงทำฉันเติบโต ... ไม่ได้เปลี่ยนฉันไป
เวลาหมุนผ่านไป... บ่อยครั้งที่มีคนบอกว่าฉันเปลี่ยนไป ฉันเองก็ตอบไปบ่อยครั้งว่าไม่ได้เปลี่ยน เพียงแต่ที่ทุกคนเห็นว่าฉันเป็น...ไม่เหมือนเดิม นั่นน่าจะเพราะทุกคนต่างก็เติบโตขึ้น กาลเวลา ประสบการณ์...ล้วนทำให้ทุกคนเติบโต จากต้นกล้าเป็นต้นไม้ใหญ่ มีจุดเด่นบ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจน มากขึ้น...และมากขึ้น มุมที่เธอมองฉัน...ต่างไป มุมที่ฉันมองเธอ...ก็ต่างไปเช่นกัน เพราะอย่างนั้น...จึงไม่มีใครที่เหมือนเดิม เวลายังคงหมุนไป... จากวันเป็นเดือน...จากเดือนเป็นปี... ฉันห้ามเวลาไม่ให้หมุนไม่ได้ เหมือนที่ฉันไม่อาจห้ามให้ตนเองเติบโต แต่มีความจริงข้อหนึ่งยังคงอยู่ คือฉัน...ยังเป็นฉัน แม้เติบโต...คล้ายว่าเปลี่ยนแปลง แต่ฉันก็ยังเป็นฉัน ความทรงจำเจ็บปวดไม่ว่าคราไหน ความรู้สึกสุขล้นไม่ว่าครั้งใด สิ่งเหล่านั้น...ยังอยู่กับฉันเสมอ หัวใจฉันยังคงเหมือนเดิม...แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกทุกอย่างยังคงอยู่...ไม่เปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องยืนยัน สิ่งที่เป็นประสบการณ์เฉพาะตัว สิ่งที่บอกว่าฉัน...เป็นฉัน สบตาฉันแล้วเธอจะได้รู้ว่าฉัน... เป็นคนเดิม...ไม่ใช่ใครที่เธอไม่เคยรู้จัก ...แน่นอน
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=113
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=113
เวลา ความรัก การให้อภัย...
นานมากแล้ว..ผู้หญิงคนหนึ่งรับรู้ว่ามีหัวใจเพราะเธอรู้ว่าเธอมีลมหายใจ แต่ถึงแม้เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ธรรมดา ๆ แค่นั้น แต่ก็สามารถทำเพื่อปกป้องคน ๆ หนึ่งได้ มีผู้ชายสองคนมาจีบเธอ คนที่หนึ่ง..เธอไม่ได้คิดชอบเลยสักนิด คนที่สอง..คือคนที่เธอต้องการ และก็ชอบอยู่ในใจ ชายคนที่หนึ่ง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผู้หญิงคนนี้มา ทั้งที่เขานั้นไม่มีอะไรดี เจ้าชู้ ต่างจากชายคนที่สอง ที่ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกว่าชอบเขาเหมือนกัน เขาทั้งดีและเป็นสุภาพบุรุษ คุณรู้รึไหมว่าผู้หญิงคนนี้ได้เลือกใคร??? เธอเลือกชายคนที่หนึ่ง และชายคนที่สองก็ต้องบอกลาไปด้วยความเจ็บปวด และผู้หญิงคนนี้เล่ารู้สึกยังไง? ใช่อย่างที่คุณคิดไว้หรือป่าวล่ะทำไมกันล่ะ ทั้งที่เธอก็มีความต้องการชายคนที่สองนี้ไม่ใช่เหรอเวลาผ่านไปแสนนาน..และก็ได้พิสูจน์หัวใจคนและแล้วต่างคนต่างมีชีวิตที่ได้ไขว่คว้าขึ้นมาใหม่ ชายคนที่หนึ่ง..ได้จากไปแล้วไปมีและใช้ชีวิตในแบบของเขาไปอยู่ตามเวรตามกรรมของเขา ชายคนที่สอง..ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีใครมาอยู่เคียงข้าง ผ่านไปวันวันนึง
และแล้วเวลาที่ผ่านมาได้พาให้ผู้หญิงคนนี้ได้มาพบกับชายคนที่สองอีกครั้งและเธอก็ได้ติดต่อกับเขาและเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตให้เขาฟังและทุกสิ่งที่เธอเก็บมาตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อก่อนนั้นฉันชอบเธอนะ เวลาที่ผ่านมาก็ยังแอบเฝ้ามองเธออยู่บ้าง เรื่องเขานั้น เราจบกันหลังจากนั้นไม่เท่าไร ฉันคิดถึงเธอมาตลอด วันนี้ฉันขอแค่ได้บอก ว่าวันนั้นเขาได้บังคับให้ฉันคบกับเขาเพื่อที่จะแลกกับการทำร้ายตัวเธอ ฉันกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วเขาก็ยังขู่เข็ญฉันต่าง ๆ นานาเพื่อให้ฉันยอมเขาทุกเรื่อง ฉันขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น แต่เพราะว่าฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ คุณรู้รึป่าวว่าคำตอบที่กลับมาของชายคนที่สองคืออะไร เขาเปิดรับเธอเข้ามาในหัวใจอีกครั้งและทำให้เธอลืมอดีตทั้งหมดและวางอนาคตไว้ที่เขาคนเดียว ด้วยการที่ขอเธอแต่งงานและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำไมเขาถึงอภัยให้เธอล่ะ เธอได้ทำร้ายหัวใจเขาไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าเขารักเธอไงล่ะ เขารักจนอภัยให้เธอได้ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ได้ปกป้องตัวเขาไว้ และวันนี้เขานี้แหล่ะจะเป็นคนที่ปกป้องเธอตลอดไป..และทั้งชีวิตที่เขาจะมีกับเธอ ด้วยความรักและผูกพันโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หัวใจเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเลขและไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา และไม่มีการทำให้สายเกินไป ไม่ว่าวันไหนถ้ามีความต้องการเราก็จะหากันจนเจอและได้พบกันจนได้ไม่ว่านานแค่ไหน
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=107
และแล้วเวลาที่ผ่านมาได้พาให้ผู้หญิงคนนี้ได้มาพบกับชายคนที่สองอีกครั้งและเธอก็ได้ติดต่อกับเขาและเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตให้เขาฟังและทุกสิ่งที่เธอเก็บมาตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อก่อนนั้นฉันชอบเธอนะ เวลาที่ผ่านมาก็ยังแอบเฝ้ามองเธออยู่บ้าง เรื่องเขานั้น เราจบกันหลังจากนั้นไม่เท่าไร ฉันคิดถึงเธอมาตลอด วันนี้ฉันขอแค่ได้บอก ว่าวันนั้นเขาได้บังคับให้ฉันคบกับเขาเพื่อที่จะแลกกับการทำร้ายตัวเธอ ฉันกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วเขาก็ยังขู่เข็ญฉันต่าง ๆ นานาเพื่อให้ฉันยอมเขาทุกเรื่อง ฉันขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น แต่เพราะว่าฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ คุณรู้รึป่าวว่าคำตอบที่กลับมาของชายคนที่สองคืออะไร เขาเปิดรับเธอเข้ามาในหัวใจอีกครั้งและทำให้เธอลืมอดีตทั้งหมดและวางอนาคตไว้ที่เขาคนเดียว ด้วยการที่ขอเธอแต่งงานและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำไมเขาถึงอภัยให้เธอล่ะ เธอได้ทำร้ายหัวใจเขาไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าเขารักเธอไงล่ะ เขารักจนอภัยให้เธอได้ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ได้ปกป้องตัวเขาไว้ และวันนี้เขานี้แหล่ะจะเป็นคนที่ปกป้องเธอตลอดไป..และทั้งชีวิตที่เขาจะมีกับเธอ ด้วยความรักและผูกพันโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หัวใจเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเลขและไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา และไม่มีการทำให้สายเกินไป ไม่ว่าวันไหนถ้ามีความต้องการเราก็จะหากันจนเจอและได้พบกันจนได้ไม่ว่านานแค่ไหน
ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=107
วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551
ความรู้เรื่องฟ้าผ่า
นักวิชาการเตือนฟ้าผ่า! ไม่ได้เกิดจากโลหะสื่อล่อฟ้า
ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีองค์ความรู้เกี่ยวกับ "ภัยธรรมชาติ" ที่พึงระวังเป็นอย่างยิ่งในช่วงฝนตก ฟ้าคะนองทั่วกรุงเช่นนี้
เพราะ "ฟ้าผ่า" ล่าสุดพบศพชาย 2 คน เสียชีวิตอยู่ใกล้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำดอกกราย จ.ระยอง ตรวจสภาพศพพบหน้าอกมีรอยไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดวิ่น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตได้เข้ามาหลบฝนใกล้รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสื่อสายไฟทำให้ฟ้าผ่าเสียชีวิต งานนี้ นักวิชาการออกมาชี้แจงว่า ความจริงแล้วจุดที่ฟ้าผ่า ไม่จำเป็นต้องมีโลหะหรือตัวนำไฟฟ้าชั้นดีเป็นสื่อล่อก็ผ่าได้ ส่วนโลหะ เช่น เครื่องประดับ แหวน สร้อยคอ เข็มกลัด ที่เคยเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าตายในหลายกรณีที่ผ่านมาแทบไม่มีผลใดๆ ในการล่อฟ้าเลย
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย กล่าวว่า ฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากเมฆฝนฟ้าคะนอง หรือเมฆคิวมูโลนิมบัส ภายในก้อนเมฆเองและพื้นดินต่างมีประจุไฟฟ้าที่ต่างกันคือประจุบวกและประจุลบ เมื่อประจุที่ต่างกันวิ่งเข้าหากันก็จะทำให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น เหตุนี้ฟ้าผ่าจึงเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหรือฟ้าแลบ รวมถึงฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดินซึ่งเป็นประเภทที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่มากที่สุด
"ฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดิน เกิดขึ้นเมื่อประจุลบ (อิเล็กตรอน) เคลื่อนที่จากฐานเมฆลงมาที่อากาศผ่านเข้ามาใกล้พื้นดิน ซึ่งประจุลบนี้สามารถเหนี่ยวนำให้วัตถุที่พื้นผิวของโลกซึ่งอยู่ "ใต้เงาเมฆ" มีประจุเป็นบวกได้ทั้งหมด พร้อมทั้งดึงดูดประจุบวกจากพื้นดินให้ไหลขึ้นมาตามต้นไม้ หลังคาบ้าน หรือบริเวณใดก็ได้ที่เป็นที่สูง เมื่อประจุลบกับบวกมาเจอกันเคลื่อนที่สวนทาง จึงเกิดเป็นกระแสโต้กลับและเกิดเป็นฟ้าผ่าได้ในที่สุด เห็นได้ว่าวัตถุและพื้นที่ทุกจุดใต้เงาเมฆฝนฟ้าคะนองมีโอกาสเป็นจุดที่ถูกฟ้าผ่าได้หมดแม้ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าก็ตาม จุดเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่ามากที่สุดคือบริเวณที่สูง เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ประจุบวกสามารถเชื่อมโยงกับประจุลบได้ง่ายที่สุด ขณะที่ชิ้นส่วนโลหะ เช่น สร้อย แหวน กระดิ่งแขวนคอวัว แทบจะไม่มีผลต่อการเป็นสื่อล่อฟ้าเลย
สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ถูกฟ้าผ่าโดยตรง ดร.บัญชาบอกว่า สามารถได้อันตรายจากฟ้าผ่าใน 3 รูปแบบ คือ
1.ไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า เช่น หากหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า เสาอากาศ และมีบางส่วนของร่างกายแตะกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็จะไหลเข้าสู่ลำตัวได้โดยตรง
2.ไฟฟ้าแลบจากด้านข้าง (side flash) กล่าวคือ แม้จะไม่ได้แตะจุดที่ฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็อาจจะ "กระโดด" เข้าสู่ตัวคนทางด้านข้างได้ (ภาพ Side Flash )
3.กระแสวิ่งตามพื้น (step voltage) คือ กระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งจากจุดถูกที่ฟ้าผ่าออกไปยังบริเวณโดยรอบ เช่น จากลำต้นลงมาที่โคนต้นไม้และกระจายออกไปตามพื้นดิน ซึ่งมักเป็นบริเวณที่น้ำเจิ่งนอง หากกระแสดังกล่าววิ่งผ่านเข้าสู่ตัวคน ก็ย่อมทำอันตราย โดยในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือ ทำให้ถึงแก่ความตายได้ สำหรับกรณีกระแสวิ่งตามพื้นนี้ เคยมีกรณีเหตุการณ์ฟ้าผ่าวัวจำนวนมากตาย และสันนิษฐาน (อย่างไม่ถูกต้องว่า) เกิดจากกระดิ่งโลหะที่แขวนคอเป็นตัวล่อ ซึ่งความจริงแล้วโอกาสที่สายฟ้าจะผ่าลงมาตรงกระดิ่งขนาดเล็กของวัวพร้อมกันหลายๆ ตัว 15 นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
กรณีรอยไหม้ที่พบบริเวณที่ใส่โลหะต่างๆ ดร.บัญชาอธิบายว่า เกิดขึ้นจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่ตัวคนได้ทั้งจากเสื้อผ้า (ซึ่งอาจเปียกน้ำ) ร่างกาย และผ่านลวดหรือโลหะ ซึ่งโลหะมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำสุด จึงทำให้กระแสไฟไหลผ่านในปริมาณมากก่อให้เกิดความร้อนและเป็นรอยไหม้ที่พบบนผิวหนัง
ทั้งนี้ การชี้แจงเรื่องฟ้าผ่านั้น ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจกับการเกิด "ฟ้าผ่า" ที่ถูกต้อง อันนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่เหมาะสมลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากฟ้า ทั้งนี้ สถานที่หลบภัยจากฟ้าผ่าคือภายในตัวอาคาร หรือรถยนต์ที่ปิดกระจก โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่สัมผัสกับวัสดุที่เชื่อมต่อกับอาคารหรือตัวรถด้านนอกซึ่งอาจถูกฟ้าผ่าได้ งดการใช้โทรศัพท์แบบมีสาย ถอดปลั๊กโทรทัศน์ และไม่ควรเล่นอินเตอร์เนตที่เชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ เพราะกระแสไฟฟ้าจากอาคารสามารถวิ่งมาตามสายโทรศัพท์ได้ ขณะที่คนซึ่งอยู่กลางแจ้งเมื่อเกิดฟ้าผ่าให้นั่งยองๆ ก้มศีรษะเพื่อลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันและเขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงกรณีกระแสไฟไหลมาตามพื้น
ที่มา นสพ.มติชน
เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1268201
ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีองค์ความรู้เกี่ยวกับ "ภัยธรรมชาติ" ที่พึงระวังเป็นอย่างยิ่งในช่วงฝนตก ฟ้าคะนองทั่วกรุงเช่นนี้
เพราะ "ฟ้าผ่า" ล่าสุดพบศพชาย 2 คน เสียชีวิตอยู่ใกล้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำดอกกราย จ.ระยอง ตรวจสภาพศพพบหน้าอกมีรอยไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดวิ่น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตได้เข้ามาหลบฝนใกล้รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสื่อสายไฟทำให้ฟ้าผ่าเสียชีวิต งานนี้ นักวิชาการออกมาชี้แจงว่า ความจริงแล้วจุดที่ฟ้าผ่า ไม่จำเป็นต้องมีโลหะหรือตัวนำไฟฟ้าชั้นดีเป็นสื่อล่อก็ผ่าได้ ส่วนโลหะ เช่น เครื่องประดับ แหวน สร้อยคอ เข็มกลัด ที่เคยเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าตายในหลายกรณีที่ผ่านมาแทบไม่มีผลใดๆ ในการล่อฟ้าเลย
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย กล่าวว่า ฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากเมฆฝนฟ้าคะนอง หรือเมฆคิวมูโลนิมบัส ภายในก้อนเมฆเองและพื้นดินต่างมีประจุไฟฟ้าที่ต่างกันคือประจุบวกและประจุลบ เมื่อประจุที่ต่างกันวิ่งเข้าหากันก็จะทำให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น เหตุนี้ฟ้าผ่าจึงเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหรือฟ้าแลบ รวมถึงฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดินซึ่งเป็นประเภทที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่มากที่สุด
"ฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดิน เกิดขึ้นเมื่อประจุลบ (อิเล็กตรอน) เคลื่อนที่จากฐานเมฆลงมาที่อากาศผ่านเข้ามาใกล้พื้นดิน ซึ่งประจุลบนี้สามารถเหนี่ยวนำให้วัตถุที่พื้นผิวของโลกซึ่งอยู่ "ใต้เงาเมฆ" มีประจุเป็นบวกได้ทั้งหมด พร้อมทั้งดึงดูดประจุบวกจากพื้นดินให้ไหลขึ้นมาตามต้นไม้ หลังคาบ้าน หรือบริเวณใดก็ได้ที่เป็นที่สูง เมื่อประจุลบกับบวกมาเจอกันเคลื่อนที่สวนทาง จึงเกิดเป็นกระแสโต้กลับและเกิดเป็นฟ้าผ่าได้ในที่สุด เห็นได้ว่าวัตถุและพื้นที่ทุกจุดใต้เงาเมฆฝนฟ้าคะนองมีโอกาสเป็นจุดที่ถูกฟ้าผ่าได้หมดแม้ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าก็ตาม จุดเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่ามากที่สุดคือบริเวณที่สูง เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ประจุบวกสามารถเชื่อมโยงกับประจุลบได้ง่ายที่สุด ขณะที่ชิ้นส่วนโลหะ เช่น สร้อย แหวน กระดิ่งแขวนคอวัว แทบจะไม่มีผลต่อการเป็นสื่อล่อฟ้าเลย
สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ถูกฟ้าผ่าโดยตรง ดร.บัญชาบอกว่า สามารถได้อันตรายจากฟ้าผ่าใน 3 รูปแบบ คือ
1.ไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า เช่น หากหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า เสาอากาศ และมีบางส่วนของร่างกายแตะกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็จะไหลเข้าสู่ลำตัวได้โดยตรง
2.ไฟฟ้าแลบจากด้านข้าง (side flash) กล่าวคือ แม้จะไม่ได้แตะจุดที่ฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็อาจจะ "กระโดด" เข้าสู่ตัวคนทางด้านข้างได้ (ภาพ Side Flash )
3.กระแสวิ่งตามพื้น (step voltage) คือ กระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งจากจุดถูกที่ฟ้าผ่าออกไปยังบริเวณโดยรอบ เช่น จากลำต้นลงมาที่โคนต้นไม้และกระจายออกไปตามพื้นดิน ซึ่งมักเป็นบริเวณที่น้ำเจิ่งนอง หากกระแสดังกล่าววิ่งผ่านเข้าสู่ตัวคน ก็ย่อมทำอันตราย โดยในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือ ทำให้ถึงแก่ความตายได้ สำหรับกรณีกระแสวิ่งตามพื้นนี้ เคยมีกรณีเหตุการณ์ฟ้าผ่าวัวจำนวนมากตาย และสันนิษฐาน (อย่างไม่ถูกต้องว่า) เกิดจากกระดิ่งโลหะที่แขวนคอเป็นตัวล่อ ซึ่งความจริงแล้วโอกาสที่สายฟ้าจะผ่าลงมาตรงกระดิ่งขนาดเล็กของวัวพร้อมกันหลายๆ ตัว 15 นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
กรณีรอยไหม้ที่พบบริเวณที่ใส่โลหะต่างๆ ดร.บัญชาอธิบายว่า เกิดขึ้นจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่ตัวคนได้ทั้งจากเสื้อผ้า (ซึ่งอาจเปียกน้ำ) ร่างกาย และผ่านลวดหรือโลหะ ซึ่งโลหะมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำสุด จึงทำให้กระแสไฟไหลผ่านในปริมาณมากก่อให้เกิดความร้อนและเป็นรอยไหม้ที่พบบนผิวหนัง
ทั้งนี้ การชี้แจงเรื่องฟ้าผ่านั้น ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจกับการเกิด "ฟ้าผ่า" ที่ถูกต้อง อันนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่เหมาะสมลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากฟ้า ทั้งนี้ สถานที่หลบภัยจากฟ้าผ่าคือภายในตัวอาคาร หรือรถยนต์ที่ปิดกระจก โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่สัมผัสกับวัสดุที่เชื่อมต่อกับอาคารหรือตัวรถด้านนอกซึ่งอาจถูกฟ้าผ่าได้ งดการใช้โทรศัพท์แบบมีสาย ถอดปลั๊กโทรทัศน์ และไม่ควรเล่นอินเตอร์เนตที่เชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ เพราะกระแสไฟฟ้าจากอาคารสามารถวิ่งมาตามสายโทรศัพท์ได้ ขณะที่คนซึ่งอยู่กลางแจ้งเมื่อเกิดฟ้าผ่าให้นั่งยองๆ ก้มศีรษะเพื่อลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันและเขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงกรณีกระแสไฟไหลมาตามพื้น
ที่มา นสพ.มติชน
เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1268201
8 เหตุผลที่ทำให้เรารักโรงเรียน
1. เพราะโรงเรียน ทำให้เย็นวันศุกร์มี ความหมาย
ไม่มีวันไหนที่ จะทำให้เรา รอคอยได้มากเท่า เย็นวันศุกร์ อีกแล้ว เป็นวันที่ พิเศษที่สุด ของ วันที่เราต้อง ไปโรงเรียนเลย ก็ได้ ทุกคนจะ พร้อมใจ เทคะแนน ให้เป็น ขวัญใจดีเดย์ ในรอบสัปดาห์ อยากให้เย็นวันศุกร์ มาถึงเร็ว ๆ ใครไม่เคยรอบ้างล่ะ อยากรู้นัก จะได้หยุด เสาร์ - อาทิตย์ กันอีกรอบนึงไง แหม ! พูดแล้ว ก็คิดถึงจังเลยเจ้าวันศุกร์เนี่ย
2. เพราะที่โรงเรียน มีวันปิดเทอม
โอ้... วัน ปิดเทอม จะมีที่ไหนมี ถ้าไม่ใช่ที่ โรงเรียน มีเรียน ก็ต้องมีหยุดพัก กันบ้าง ไม่งั้นสมอง แตกกระจุย กันพอดี เป็นที่เดียว ในโลก แน่ ๆ เลยที่วิเศษ ขนาดนี้ อยากให้ เปิดปุ๊ป ปิดปั๊ป บ่อย ๆ จะได้รักมาก ขึ้นอีก 10 เท่า พอโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ เราก็คงไม่ได้ มีวัน ปิดเทอม กัน อีกแล้ว แล้วจะไม่ให้ เรารัก โรงเรียน ได้ยังไงกันล่ะ
3. เพราะโค้กที่โรงเรียนราคาถูกกว่าที่ 7-eleven
จะกินโค้กแก้วละ 5 บาทได้กี่ที่กันหล่ะในโลกนี้ เผลอ ๆ กินหมดแก้วยังไปแอบเติมได้อีก แหม ! ใคร ๆ เขาก็ทำกัน อย่าบอกเชียวนะว่า ไม่เคย โกรธกันตายเลย ก็มันโกหกกันแหงม ๆ อยู่แล้ว ถึงแก้วจะใหญ่กว่า ที่อื่น แต่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเรานี่นา ... เราต้องการโค้ก...ส่งโค้กมาซะดี ๆ
4. เพราะหน้าโรงเรียนมีทางม้าลาย
เจ้าทางม้าลาย แบนแต๊ดแต๋ ที่หน้าโรงเรียน เราชื่อ บู้บี้ เจอกันทุกวัน มันจะพาเรา ไปอีกฝั่ง ของถนน โดยการขี่ ของคุณลุงจราจร พุงกลม มันกระซิบ พวกเราว่า คุณลุงตัวหนัก ไปหน่อย แต่ก็เป็น คนที่ใจดีที่สุด ในโลกเลย เฮ้อ ... ไม่รู้ว่ตอนนี้ สบายดีรึเปล่า หวังว่า คุณลุงจราจร พุงกลม จะดูแลมัน เป็นอย่างดี เจ้าทางม้าลาย หน้าโรงเรียน ของเราเนี่ย สบายสุด ๆ เลย ไม่ต้องเหนื่อย เดินขึ้นสะพานลอย กันให้เมื่อย อยากให้ทุกที่ มีเจ้าม้าลาย อย่างที่โรงเรียนจัง
5. เพราะโรงเรียนทำให้วิ่งเร็ว
เวลาเจอคุณครู ฝ่ายปกครองเนี่ย ต้องวิ่งกันเร็วจี๋ ทุกคนเลย ไม่งั้นไม่รอด แต่คุณครู ก็วิ่งเร็วขึ้น ทุกวันนะ แข่งกันใหญ่เลย วิ่งกันทั้งโรงเรียน สนุกดี วิ่งหนีคุณครู กันจนเป็น แชมป์ไป หลายคนแล้ว อย่าบอกนะ ว่าไม่เคย มาแข่งกันดูไหมหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้ แต่เอ๊ะ... สงสัยจังเลยว่า ตอนนี้คุณครู วิ่งเร็วกว่าเรา แล้วหรือยัง...ไม่ได้วิ่งเสียนาน
6. เพราะโรงเรียนมีหลังห้อง
ความลับหลังห้อง มีอาจารย์เท่านั้นแหละ ที่ แกล้ง ไม่รู้ เล่นหลับทับกัน เป็นกองขนาดนั้น ไม่รู้ยังไง ไหว แต่ยังไงก็ต้องนอน ทุกวันนะ ไม่งั้นหลังห้อง จะน้อยใจ คิดอย่างนี้ เหมือนกัน ใช่ไหมหล่ะ
7. เพราะโรงเรียนมีห้องพยาบาล
ห้องพยาบาล ไม่เหมือนโรงพยาบาลนะ เราไม่ชอบไป โรงพยาบาล แต่ชอบไป ห้องพยาบาล ก็ไม่ต้อง ฉีดยานี่นา และอีกอย่าง ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ยังไงการรักษา มีอยู่อย่างเดียว คือ ต้องนอนพัก กันไว้ก่อน แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง พอใกล้เวลากลับบ้าน เคยเป็นกัน บ้างไหมล่ะ เจ้าโรคนี้น่ะ เพื่อน ๆ เราเป็นกันทุกคน รักษาไม่เคยหาย เป็นโรคติดต่ออีกต่างหาก เฮ้อ... โรคร้ายประจำ ห้องพยาบาล
8. เพราะโรงเรียน ทำให้เราโต ขึ้นอย่าง คนที่มีคุณภาพ
เราจะเบื่อ ได้ทุกข้อกับกฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ของ โรงเรียน เบื่อได้ทุก วิชาตลอด การเรียนมาจน จบแหล่มิจบแหล่ แต่แล้ว ในวันหนึ่งที่เราจากมา เราได้เรียนรู้วว่า สิ่งที่น่าเบื่อ เหล่านั้น ทำให้เราคิดถึง อยู่เสมอว่า เรามีวันนี้อยู่ได้ อย่างไร
เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=52&post_id=1267391
ไม่มีวันไหนที่ จะทำให้เรา รอคอยได้มากเท่า เย็นวันศุกร์ อีกแล้ว เป็นวันที่ พิเศษที่สุด ของ วันที่เราต้อง ไปโรงเรียนเลย ก็ได้ ทุกคนจะ พร้อมใจ เทคะแนน ให้เป็น ขวัญใจดีเดย์ ในรอบสัปดาห์ อยากให้เย็นวันศุกร์ มาถึงเร็ว ๆ ใครไม่เคยรอบ้างล่ะ อยากรู้นัก จะได้หยุด เสาร์ - อาทิตย์ กันอีกรอบนึงไง แหม ! พูดแล้ว ก็คิดถึงจังเลยเจ้าวันศุกร์เนี่ย
2. เพราะที่โรงเรียน มีวันปิดเทอม
โอ้... วัน ปิดเทอม จะมีที่ไหนมี ถ้าไม่ใช่ที่ โรงเรียน มีเรียน ก็ต้องมีหยุดพัก กันบ้าง ไม่งั้นสมอง แตกกระจุย กันพอดี เป็นที่เดียว ในโลก แน่ ๆ เลยที่วิเศษ ขนาดนี้ อยากให้ เปิดปุ๊ป ปิดปั๊ป บ่อย ๆ จะได้รักมาก ขึ้นอีก 10 เท่า พอโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ เราก็คงไม่ได้ มีวัน ปิดเทอม กัน อีกแล้ว แล้วจะไม่ให้ เรารัก โรงเรียน ได้ยังไงกันล่ะ
3. เพราะโค้กที่โรงเรียนราคาถูกกว่าที่ 7-eleven
จะกินโค้กแก้วละ 5 บาทได้กี่ที่กันหล่ะในโลกนี้ เผลอ ๆ กินหมดแก้วยังไปแอบเติมได้อีก แหม ! ใคร ๆ เขาก็ทำกัน อย่าบอกเชียวนะว่า ไม่เคย โกรธกันตายเลย ก็มันโกหกกันแหงม ๆ อยู่แล้ว ถึงแก้วจะใหญ่กว่า ที่อื่น แต่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเรานี่นา ... เราต้องการโค้ก...ส่งโค้กมาซะดี ๆ
4. เพราะหน้าโรงเรียนมีทางม้าลาย
เจ้าทางม้าลาย แบนแต๊ดแต๋ ที่หน้าโรงเรียน เราชื่อ บู้บี้ เจอกันทุกวัน มันจะพาเรา ไปอีกฝั่ง ของถนน โดยการขี่ ของคุณลุงจราจร พุงกลม มันกระซิบ พวกเราว่า คุณลุงตัวหนัก ไปหน่อย แต่ก็เป็น คนที่ใจดีที่สุด ในโลกเลย เฮ้อ ... ไม่รู้ว่ตอนนี้ สบายดีรึเปล่า หวังว่า คุณลุงจราจร พุงกลม จะดูแลมัน เป็นอย่างดี เจ้าทางม้าลาย หน้าโรงเรียน ของเราเนี่ย สบายสุด ๆ เลย ไม่ต้องเหนื่อย เดินขึ้นสะพานลอย กันให้เมื่อย อยากให้ทุกที่ มีเจ้าม้าลาย อย่างที่โรงเรียนจัง
5. เพราะโรงเรียนทำให้วิ่งเร็ว
เวลาเจอคุณครู ฝ่ายปกครองเนี่ย ต้องวิ่งกันเร็วจี๋ ทุกคนเลย ไม่งั้นไม่รอด แต่คุณครู ก็วิ่งเร็วขึ้น ทุกวันนะ แข่งกันใหญ่เลย วิ่งกันทั้งโรงเรียน สนุกดี วิ่งหนีคุณครู กันจนเป็น แชมป์ไป หลายคนแล้ว อย่าบอกนะ ว่าไม่เคย มาแข่งกันดูไหมหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้ แต่เอ๊ะ... สงสัยจังเลยว่า ตอนนี้คุณครู วิ่งเร็วกว่าเรา แล้วหรือยัง...ไม่ได้วิ่งเสียนาน
6. เพราะโรงเรียนมีหลังห้อง
ความลับหลังห้อง มีอาจารย์เท่านั้นแหละ ที่ แกล้ง ไม่รู้ เล่นหลับทับกัน เป็นกองขนาดนั้น ไม่รู้ยังไง ไหว แต่ยังไงก็ต้องนอน ทุกวันนะ ไม่งั้นหลังห้อง จะน้อยใจ คิดอย่างนี้ เหมือนกัน ใช่ไหมหล่ะ
7. เพราะโรงเรียนมีห้องพยาบาล
ห้องพยาบาล ไม่เหมือนโรงพยาบาลนะ เราไม่ชอบไป โรงพยาบาล แต่ชอบไป ห้องพยาบาล ก็ไม่ต้อง ฉีดยานี่นา และอีกอย่าง ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ยังไงการรักษา มีอยู่อย่างเดียว คือ ต้องนอนพัก กันไว้ก่อน แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง พอใกล้เวลากลับบ้าน เคยเป็นกัน บ้างไหมล่ะ เจ้าโรคนี้น่ะ เพื่อน ๆ เราเป็นกันทุกคน รักษาไม่เคยหาย เป็นโรคติดต่ออีกต่างหาก เฮ้อ... โรคร้ายประจำ ห้องพยาบาล
8. เพราะโรงเรียน ทำให้เราโต ขึ้นอย่าง คนที่มีคุณภาพ
เราจะเบื่อ ได้ทุกข้อกับกฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ของ โรงเรียน เบื่อได้ทุก วิชาตลอด การเรียนมาจน จบแหล่มิจบแหล่ แต่แล้ว ในวันหนึ่งที่เราจากมา เราได้เรียนรู้วว่า สิ่งที่น่าเบื่อ เหล่านั้น ทำให้เราคิดถึง อยู่เสมอว่า เรามีวันนี้อยู่ได้ อย่างไร
เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=52&post_id=1267391
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551
Cross Word
วันนี้เอา Cross Word มาให้เพื่อนๆลองเล่นกันน่ะค่ะ
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1221481780.68817_34___________.htm&mime=text/html
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1221481780.68817_34___________.htm&mime=text/html
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)