วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เพลงต่างวัย 6 เพลง (งานคอมฯ)

เพลงต่างวัย 6 เพลง
1. เพลงของ นางมนฑา งามขำ(ป้า) อายุ 55 ปี
ชื่อเพลง ไมใช่แฟนทำแทนไม่ได้
นักร้อง ตั้กแตน ชลดา
เนื้อเพลง คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ เหนื่อยก็รู้ เหงาก็เข้าใจ แต่ไม่อาจให้ยืมอ้อมแขน
2. เพลงของ นายเทียน สนใจ(ตา) อายุ 72 ปี
ชื่อเพลง มอเตอร์ไซค์ทำหล่น
นักร้อง ศรเพชร ศรสุพรรณ
เนื้อร้อง แฟนของใคร มอเตอร์ไซค์ทำหล่น หน้ามนสวยสะดุดตา
3. เพลงของ นายสายันต์ สนใจ(ลุง) อายุ 45 ปี
ชื่อเพลง หนุ่มเมืองเพชร
นักร้อง ไชโย ธนาวัฒน์
เนื้อร้อง ไอ้หนุ่มเมืองเพชร รักเธอเม็ดใจ น้องยังแฟนม่าย ถ้าว่ายังม่ายลองแลดูที
4. เพลงของ นางมลฑิชา นิเวศน์วรทาน(อา) อายุ 37 ปี
ชื่อเพลง โทรหาครั้งสุดท้าย
นักร้อง เอิน The Star
เนื้อเพลง บอกคนใหม่ของเธอให้เข้าใจ ว่าคนใจสลาย โทรมาเพื่อยืนยัน จากคนเคยคบ แค่พบไม่ผูกพัน ใช้เวลาไม่นานก็จากไป
5. เพลงของ นางเล็ก ชูพันธ์(ย่า) อายุ 82 ปี
ชื่อเพลง 16 ปีแห่งความหลัง
นักร้อง สุรพล สมบัติเจริญ
เนื้อร้อง 16 แห่งความหลัง ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวานและขมขื่น
6. เพลงของ นายจีระศักดิ์ รบแคล้ว(น้อง) อายุ 15 ปี
ชื่อเพลง แฟนเก่า
นักร้อง ลาบานูน
เนื้อร้อง อยากบอกว่ายังรักยังคิดถึงเธอ ทุกๆครั้งที่เจอฉันก็อยากให้เข้าใจ

นิทานความกตัญญู(งานภาษาไทย)

นิทานความกตัญญู

มีหนุ่มเจ้าสำราญผู้หนึ่ง วันๆไม่ยอมทำประโยชน์อะไร ดีแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ทั้งๆที่อายุอานามก็สมควรแก่การสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะ และมีครอบครัวแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะมีความรับผิดชอบ ไม่คิดอยากจะรับภาระอะไรใดๆทั้งสิ้น ด้วยเห็นว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อยู่แล้วที่ต้องหาเงินหาทองไว้ให้ลูก และกิจการที่บ้านนั้น ทั้งพ่อและแม่ต่างช่วยกันทำมาหากินอย่างขยันแข็ง จนเงินทองที่มีอยู่ชาตินี้เขาคงใช้ไม่หมดด้วยซ้ำ วันหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้และเพื่อนๆอีก 2-3 คน พากันเข้าป่า หมายจะไปล่าสัตว์ แต่เมื่อเดินเข้าป่าไปได้สักพักใหญ่ เขาก็เกิดพลัดหลงกับเพื่อน ชายหนุ่มจึงเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย เขาเริ่มหลงทาง เขาเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็ต้องหาทางเดินต่อไป เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า บรรยากาศรอบข้างมืดลง ไม่เห็นหนทาง เขาจึงทิ้งตัวลงนอน ด้วยความหิวโหยและหมดแรง รุ่งขึ้น..เขายังคงเดินต่อไป เพื่อหาทางออก จนกระทั่งพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขาอีกครั้ง แต่ขณะที่เขากำลังจะทิ้งตัวลงอย่างหมดหวัง ก็เหลือบไปเห็นแสงไฟจากกระท่อมกลางป่าหลังหนึ่ง เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่รีบวิ่งไปยังกระท่อมนั้น และได้พบสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเมื่อไต่ถามความเป็นมาของชายหนุ่มแล้ว ทั้งคู่ก็บอกให้ชายหนุ่มไปอาบน้ำอาบท่า แล้วจัดแจงหาข้าวปลาอาหารมาให้กิน คืนนั้นชายหนุ่มจึงหลับไปด้วยความสุข วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยความแจ่มใส และรู้สึกตื้นตันใจในความเมตตากรุณา ของสองสามีภรรยาเป็นอย่างมาก เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าขอขอบคุณท่านทั้งสองที่ได้ช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้ แม้เราไม่เคยรู้จักกัน แต่พวกท่านก็ให้การดูแลข้าอย่างดี ข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร จึงจะทดแทนน้ำใจของพวกท่าน ได้” ฝ่ายภรรยาจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วตอบว่า “หนุ่มน้อย ถ้าเจ้าอยากตอบแทนละก็ กลับไปทดแทนบุญคุณพ่อแม่ของเจ้าเถิด พวกเขาเลี้ยงดูอุ้มชูเจ้ามา ให้ทั้งข้าวปลาอาหารน้ำท่าที่พักพิง จนเติบใหญ่เพียงนี้ บุญคุณนั้นใหญ่หลวงนัก เราสองคนแค่ให้ที่พักพิงเจ้าชั่วข้ามคืนหนึ่ง เทียบกับพ่อแม่เจ้าไม่ได้หรอก” ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มจึงคิดได้ว่า เขาเป็นผู้ที่หลงทางจริงๆ
คนไทยเราได้รับการปลูกฝังและสั่งสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่า “ความกตัญญูกตเวที” นั้น เป็นคุณธรรมสำคัญที่เราควรปฏิบัติต่อพ่อแม่และผู้มีบุญคุณแก่เรา แต่เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยที่มองข้ามพระคุณของพ่อแม่ ผู้ซึ่งอยู่ใกล้ตัวที่สุด โดยคิดว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำนั้นเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ในขณะที่ผู้อื่นหยิบยื่นน้ำใจให้เพียงเล็กน้อย เราก็ตื้นตัน ชื่นชม และประทับใจไม่ลืม อย่างนี้มันยุติธรรมสำหรับผู้ให้กำเนิดเราแล้วหรือ จงอย่าปล่อยให้ช่วงเวลาดีๆ ที่มีโอกาสตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ผ่านเลยไป โปรดตอบแทนความรักอันยิ่งใหญ่นั้น ในทุกๆวันของชีวิตเรา ...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เห็นน้ำตาฉันไหม ...

วันเวลา ความรัก กับความทรงจำ คงไม่มีค่าอะไร
หากเธอจะเดินจากฉันไป ด้วยความรู้สึก ..อยากจะไป..
หัวใจของฉันคงไม่สามารถดึงรั้งหัวใจใครไว้
หากความรักที่มีต่อกันลดน้อยลงไปทุกที

หากจะต้องมีใครเหนื่อยเพราะ ...รักมากเกินไป...
คงเป็นเรื่องลำบากใจ การเดินจากไปเพราะคำว่ายังรัก
มันเจ็บปวดเกินไปสำหรับฉัน
ก็แค่หมดรัก พูดยากกว่า ยังรัก มากแค่ไหน
เพราะสุดท้าย มันก็มีความหมายเหมือน ๆ กัน
แม้วันนี้จะไม่เข้าใจ และเธอเองก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยใจกับฉัน
ก็ขอให้เธอเดินไปตามทางที่เลือก
แล้วไม่ต้องหันกลับมาถามกันว่า..อยู่ได้ไหม..
ถ้าฉันตอบว่าอยู่ไม่ได้ เธอจะกลับมาหาฉันมั้ย
ในวันที่มั่นใจว่าจะไป ขอจงอย่าได้พูดอะไร ให้รู้สึกเจ็บ
ขอแค่คำเดียวว่า ...ฉันไม่รักเธอแล้ว... ก็เพียงพอสำหรับฉัน
ฉันทำใจได้ ไม่ได้เก่ง แต่ถ้าไม่รักกัน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแกล้งทำเป็นรักต่อไป
ยังไหว แม้ใจจะอ่อนแรง
ยังเข้มแข็ง แม้จะกายจะอ่อนล้า
ยังอยู่ได้ แม้ไม่รู้หนทางข้างหน้า
เพียงขอเวลา ตัดใจบ้าง เท่านั้นเอง
เค้าว่ารักคนที่รักเรา ดีกว่าไปรักคนที่เรารักเค้าฝ่ายเดียว
ฉันเพิ่งรู้ว่ามันไม่จริง ก็วันนี้

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=532

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อยู่ตรงนี้ ณ ที่ที่มีรัก

ฉันเดินผ่านมาบนหนทางนี้
ได้พบเธอคนดีที่ฝันหา
รู้ไหมเธอคือคนที่ฉันรอคอยตลอดมา
วันนี้ฉันเดินมาได้พบแล้วคนของใจ

ฉันรู้เธอเคยผ่านหนทางที่เหนื่อยอ่อน
หัวใจเธอยังอาวรณ์กับรักที่อ่อนไหว
แม้วันผ่านหากรอยร้าวยังคงฝังในหัวใจ
ฉันขอแค่เป็นคนคอยห่วงใยช่วยซับรอยน้ำตา

เพียงเธอคนดียังรู้ว่ายังคงมีฉัน
ที่จะคอยอยู่เคียงข้างกันยามเธอเรียกหา
เพียงกระซิบเบา ๆ ความรักจะลอยมา
แล้วจะก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับเธอ

ฉันเป็นคน อยู่ตรงนี้ ณ ที่ที่มีรัก
เพียงคนดี เอ่ยทัก จะไปหา
ช่วยลบเศร้า รอยเหงา ในแววตา
ลมจะพา ฝากรัก ไปทักทาย

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=147

นาฬิกากับเวลา ...

แปลกมั๊ย...ใครๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ จริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อยเวลา... เดินไปข้างหน้า นาฬิกา... เดินอยู่ที่เก่าเวลา... เราไม่อาจย้อนกลับนาฬิกา... เราหมุนย้อนมันได้ เวลา... เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน นาฬิกา... เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลยเวลา... ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร นาฬิกา... ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไงในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ถามหน่อย... ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว? ฉัน... อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง เค้า... อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆ เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ …ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้ แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นนั่นแหละที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย และสุดท้าย ก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า…กันและกัน... เหมือนกับเวลาและนาฬิกา ที่ยังคู่กันเสมอมาและตลอดไป

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=75

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ถ้ารู้จักรัก ...

สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา...ก้อคือชีวิตเรา
สิ่งที่มีค่าที่สุดในหัวใจเรา...ก้อคือหัวใจเรา
อย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ใคร
อย่าเอาใจทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว
อย่ายกสิ่งที่มีค่าที่สุดของเราไปให้ใครดูแล
เพราะไม่มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเอง
อย่าปิดกั้นความรู้สึกของหัวใจอย่าบอกว่าเราเกิดมาเพื่อจะรักคน ๆ เดียว
คนใจแคบเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อที่จะรักคนได้คนเดียว
เราสามารถที่จะรักใครได้มากมาย
ขอเพียงให้รู้จักหน้าที่ของความรัก
หน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารักรักต่างแบบ...
ปฏิบัติในหน้าที่ต่างกัน
แล้วเมื่อวันใดวันหนึ่งคนบางคนไม่แยแสกับความรักที่เรามีให้
เราก็ยังคงเหลือใครต่อใครอีกมากมายและไม่เห็นจะต้องเจ็บเจียนตาย
ถ้าเรามั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้กับรักนั้นสมบูรณ์และเต็มที่แล้ว
ถ้าอากาศร้อนอบอ้าว...ลองออกมายืนคุยกับแสงแดด
อากาศหนาวแทบขาดใจ...ลองออกมาหาไออุ่นลมหนาว
เราจะรู้ว่าร้อนหรือหนาวก็ต่อเมื่อเราได้ไปสัมผัสกับมัน
ก็เหมือนกับความรัก ....
ถ้าอยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างไรก็ต้องไปสัมผัสกับมัน
แต่อย่าทรมานตัวเองโดยการออกไปยืนตากแดดนาน ๆ หรือยืนต้านทานลมหนาว
ถ้ารู้ว่าร้อนนักก็หลบหาที่ร่ม ถ้ารู้ว่าหนาวก็ก่อเตาผิง ^_^
ความรักจะไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง^_^
...ถ้าคุณรู้จักรัก..แสงแดดจะทำให้คุณอบอุ่น ลมหนาวก็จะทำให้คุณหลับสบาย...

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=354

สิ่งที่เหลือจากความรัก ...

เมื่อมีความรักย่อมมีความสุข
หลายๆครั้งที่เรามักจะพะวงถึงเรื่องอนาคตของความรัก
ว่ารักนี้จะยืนยาวสักแค่ไหน
ทำให้บางครั้งเรากลัวที่จะรัก
กลัวการเลิกรา กลัวความผิดหวัง
กลัวอะไรต่อมิอะไรที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น
ทุกอย่างที่กลัวเป็นเรื่องของอนาคตทั้งนั้น
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน...แล้วเราจะเอาอะไรกับมัน
ผมเคยมีความรักที่ดูเหมือนว่าจะเหมาะสมด้วยเหตุผลทุกประการ
น่าจะเป็นความรักที่ยืนยาว มั่นคง
แต่วันหนึ่งรักนั้นก็จบลง
ความแน่นอนก็มีความไม่แน่นอนอยู่ในตัวมัน
รักไปเถิดถ้าใจมีรัก ทุกอย่างเริ่มต้นก็ต้องมีจบ
แม้รักต้องจบลงร่องรอยของความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงาม...

การจากไปของเธอเป็นการเดินทางของเวลา
เพียงเพื่อไปสู่วันข้างหน้าวันที่ฉันยังคงอยู่
อยู่กับความรักของเธอที่จะเป็นแรงผลักดันเพื่อให้ฉันก้าวเดินต่อไป
ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้จักความรัก
ได้สัมผัสกับสิ่งที่สวยงาม
ได้มีความทรงจำที่ดีได้ยิ้มเมื่อคิดถึงรักครั้งนั้น
ได้มีโอกาสที่จะเป็นที่รัก

ข อ บ คุ ณสำหรับร่องรอย. . . ที่สวยงาม

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=135

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

บนเส้นทางการเดินทาง ... ในการค้นหาความรัก

ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะเริ่มต้นใหม่หรือเริ่มต้นที่จะรักใครได้อีกแล้ว หลังจากที่ฉันโดนใครคนหนึ่ง ใครคนที่เคยเป็นที่รัก ใครคนที่ฉันเคยห่วงใย..เขาทำร้ายฉันอย่างเลือดเย็น..แต่ฉันไม่โทษเขาหรอกนะ ฉันคงเป็นฝ่ายผิดมากกว่า ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยรักใคร พอมีเขา ฉันจึงทุ่มเททุกอย่างให้กับเขา และพอฉันโดนเขาทำร้ายโดยการที่เขาทิ้งฉันไปแต่งงานกับคนอื่น ฉันจึงเสียใจอย่างมาก
ฉันปิดตัวเอง ไม่ยอมรับใครเข้ามาในชีวิต เกือบ 2 ปีที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แต่ยังไงฉันก็ต้องขอขอบคุณเขานะ อย่างน้อยเขาก็สอนให้ฉันรู้จักความรัก และรู้ว่าถ้าฉันคิดจะมีความรักใหม่ ฉันคงต้องใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์....
แต่แล้ววันหนึ่งใครจะคิดหล่ะว่า หัวใจของฉันกลับเปิดรับผู้ชายอีกคนหนึ่งเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงแม้ฉันจะยังไม่แน่ใจในความรักครั้งนี้ของฉันนัก แต่ฉันก็บอกตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าความรักครั้งนี้ของฉันจะจบลงด้วยดีหรือต้องจากกันก็ตาม มันก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะรับใครเข้ามาในชีวิต..
ฉันจะดูแลคนของฉันให้ดีที่สุด อย่างน้อยถ้าคน 2 คนไปด้วยกันไม่ได้ แต่คน 2 คนก็ยังจะมีเรื่องราว ที่ดีๆ เอาไว้เป็นความทรงจำ ที่เมื่อนึกถึงกันเมื่อไหร่ก็ยังยิ้มได้อยู่เสมอ แต่ถ้าคน 2 คนไปด้วยกันได้ มันก็คงจะเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด ที่ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉัน ได้คนพบรักแท้เสียที หลังจากที่เดินทางมายาวไกลบนเส้นทางแห่งความรัก
สำหรับคนที่กำลังมีความรัก ฉันก็อยากจะให้ใช้สมองในการพิจารณามากกว่าใช้อารมณ์ แต่สำหรับคนที่พึ่งสูญเสียความรักไป อย่าท้อแท้วันนึงความรักจะเดินทางเข้ามาทักทายคุณเอง เพียงแต่คุณอย่าปิดตัวเอง จงเปิดใจให้กว้างเพื่อยอมรับรักแท้ที่กำลังเดินทางเข้ามา และ สำหรับคนที่กำลังมองหาความรัก.. คุณเชื่อฉันซิ.. ความรักก็กำลังเดินทางมาหาคุณเช่นเดียวกัน....

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=499

คนเดิม ...

Let me be the same old self
Let me fill you up with power and strength
Let me care for you through night and day
Let me be the one you always think to when you fail
ขอเป็นคนดีคนเดิม
ขอเป็นคนเติงกำลังใจ
ขอเป็นตนคอยห่วงใย
ขอเป็นคนเดียวในความคิดถึง

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=154

การเวลาเพียงทำฉันเติบโต ... ไม่ได้เปลี่ยนฉันไป

เวลาหมุนผ่านไป... บ่อยครั้งที่มีคนบอกว่าฉันเปลี่ยนไป ฉันเองก็ตอบไปบ่อยครั้งว่าไม่ได้เปลี่ยน เพียงแต่ที่ทุกคนเห็นว่าฉันเป็น...ไม่เหมือนเดิม นั่นน่าจะเพราะทุกคนต่างก็เติบโตขึ้น กาลเวลา ประสบการณ์...ล้วนทำให้ทุกคนเติบโต จากต้นกล้าเป็นต้นไม้ใหญ่ มีจุดเด่นบ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจน มากขึ้น...และมากขึ้น มุมที่เธอมองฉัน...ต่างไป มุมที่ฉันมองเธอ...ก็ต่างไปเช่นกัน เพราะอย่างนั้น...จึงไม่มีใครที่เหมือนเดิม เวลายังคงหมุนไป... จากวันเป็นเดือน...จากเดือนเป็นปี... ฉันห้ามเวลาไม่ให้หมุนไม่ได้ เหมือนที่ฉันไม่อาจห้ามให้ตนเองเติบโต แต่มีความจริงข้อหนึ่งยังคงอยู่ คือฉัน...ยังเป็นฉัน แม้เติบโต...คล้ายว่าเปลี่ยนแปลง แต่ฉันก็ยังเป็นฉัน ความทรงจำเจ็บปวดไม่ว่าคราไหน ความรู้สึกสุขล้นไม่ว่าครั้งใด สิ่งเหล่านั้น...ยังอยู่กับฉันเสมอ หัวใจฉันยังคงเหมือนเดิม...แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกทุกอย่างยังคงอยู่...ไม่เปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องยืนยัน สิ่งที่เป็นประสบการณ์เฉพาะตัว สิ่งที่บอกว่าฉัน...เป็นฉัน สบตาฉันแล้วเธอจะได้รู้ว่าฉัน... เป็นคนเดิม...ไม่ใช่ใครที่เธอไม่เคยรู้จัก ...แน่นอน


ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=113

เวลา ความรัก การให้อภัย...

นานมากแล้ว..ผู้หญิงคนหนึ่งรับรู้ว่ามีหัวใจเพราะเธอรู้ว่าเธอมีลมหายใจ แต่ถึงแม้เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ธรรมดา ๆ แค่นั้น แต่ก็สามารถทำเพื่อปกป้องคน ๆ หนึ่งได้ มีผู้ชายสองคนมาจีบเธอ คนที่หนึ่ง..เธอไม่ได้คิดชอบเลยสักนิด คนที่สอง..คือคนที่เธอต้องการ และก็ชอบอยู่ในใจ ชายคนที่หนึ่ง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผู้หญิงคนนี้มา ทั้งที่เขานั้นไม่มีอะไรดี เจ้าชู้ ต่างจากชายคนที่สอง ที่ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกว่าชอบเขาเหมือนกัน เขาทั้งดีและเป็นสุภาพบุรุษ คุณรู้รึไหมว่าผู้หญิงคนนี้ได้เลือกใคร??? เธอเลือกชายคนที่หนึ่ง และชายคนที่สองก็ต้องบอกลาไปด้วยความเจ็บปวด และผู้หญิงคนนี้เล่ารู้สึกยังไง? ใช่อย่างที่คุณคิดไว้หรือป่าวล่ะทำไมกันล่ะ ทั้งที่เธอก็มีความต้องการชายคนที่สองนี้ไม่ใช่เหรอเวลาผ่านไปแสนนาน..และก็ได้พิสูจน์หัวใจคนและแล้วต่างคนต่างมีชีวิตที่ได้ไขว่คว้าขึ้นมาใหม่ ชายคนที่หนึ่ง..ได้จากไปแล้วไปมีและใช้ชีวิตในแบบของเขาไปอยู่ตามเวรตามกรรมของเขา ชายคนที่สอง..ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีใครมาอยู่เคียงข้าง ผ่านไปวันวันนึง
และแล้วเวลาที่ผ่านมาได้พาให้ผู้หญิงคนนี้ได้มาพบกับชายคนที่สองอีกครั้งและเธอก็ได้ติดต่อกับเขาและเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตให้เขาฟังและทุกสิ่งที่เธอเก็บมาตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อก่อนนั้นฉันชอบเธอนะ เวลาที่ผ่านมาก็ยังแอบเฝ้ามองเธออยู่บ้าง เรื่องเขานั้น เราจบกันหลังจากนั้นไม่เท่าไร ฉันคิดถึงเธอมาตลอด วันนี้ฉันขอแค่ได้บอก ว่าวันนั้นเขาได้บังคับให้ฉันคบกับเขาเพื่อที่จะแลกกับการทำร้ายตัวเธอ ฉันกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วเขาก็ยังขู่เข็ญฉันต่าง ๆ นานาเพื่อให้ฉันยอมเขาทุกเรื่อง ฉันขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น แต่เพราะว่าฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ คุณรู้รึป่าวว่าคำตอบที่กลับมาของชายคนที่สองคืออะไร เขาเปิดรับเธอเข้ามาในหัวใจอีกครั้งและทำให้เธอลืมอดีตทั้งหมดและวางอนาคตไว้ที่เขาคนเดียว ด้วยการที่ขอเธอแต่งงานและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำไมเขาถึงอภัยให้เธอล่ะ เธอได้ทำร้ายหัวใจเขาไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าเขารักเธอไงล่ะ เขารักจนอภัยให้เธอได้ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ได้ปกป้องตัวเขาไว้ และวันนี้เขานี้แหล่ะจะเป็นคนที่ปกป้องเธอตลอดไป..และทั้งชีวิตที่เขาจะมีกับเธอ ด้วยความรักและผูกพันโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หัวใจเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเลขและไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา และไม่มีการทำให้สายเกินไป ไม่ว่าวันไหนถ้ามีความต้องการเราก็จะหากันจนเจอและได้พบกันจนได้ไม่ว่านานแค่ไหน

ที่มา : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=345246&chapter=107

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

ความรู้เรื่องฟ้าผ่า

นักวิชาการเตือนฟ้าผ่า! ไม่ได้เกิดจากโลหะสื่อล่อฟ้า
ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีองค์ความรู้เกี่ยวกับ "ภัยธรรมชาติ" ที่พึงระวังเป็นอย่างยิ่งในช่วงฝนตก ฟ้าคะนองทั่วกรุงเช่นนี้
เพราะ "ฟ้าผ่า" ล่าสุดพบศพชาย 2 คน เสียชีวิตอยู่ใกล้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำดอกกราย จ.ระยอง ตรวจสภาพศพพบหน้าอกมีรอยไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดวิ่น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตได้เข้ามาหลบฝนใกล้รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสื่อสายไฟทำให้ฟ้าผ่าเสียชีวิต งานนี้ นักวิชาการออกมาชี้แจงว่า ความจริงแล้วจุดที่ฟ้าผ่า ไม่จำเป็นต้องมีโลหะหรือตัวนำไฟฟ้าชั้นดีเป็นสื่อล่อก็ผ่าได้ ส่วนโลหะ เช่น เครื่องประดับ แหวน สร้อยคอ เข็มกลัด ที่เคยเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าตายในหลายกรณีที่ผ่านมาแทบไม่มีผลใดๆ ในการล่อฟ้าเลย
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย กล่าวว่า ฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากเมฆฝนฟ้าคะนอง หรือเมฆคิวมูโลนิมบัส ภายในก้อนเมฆเองและพื้นดินต่างมีประจุไฟฟ้าที่ต่างกันคือประจุบวกและประจุลบ เมื่อประจุที่ต่างกันวิ่งเข้าหากันก็จะทำให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น เหตุนี้ฟ้าผ่าจึงเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหรือฟ้าแลบ รวมถึงฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดินซึ่งเป็นประเภทที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่มากที่สุด
"ฟ้าผ่าจากเมฆลงสู่พื้นดิน เกิดขึ้นเมื่อประจุลบ (อิเล็กตรอน) เคลื่อนที่จากฐานเมฆลงมาที่อากาศผ่านเข้ามาใกล้พื้นดิน ซึ่งประจุลบนี้สามารถเหนี่ยวนำให้วัตถุที่พื้นผิวของโลกซึ่งอยู่ "ใต้เงาเมฆ" มีประจุเป็นบวกได้ทั้งหมด พร้อมทั้งดึงดูดประจุบวกจากพื้นดินให้ไหลขึ้นมาตามต้นไม้ หลังคาบ้าน หรือบริเวณใดก็ได้ที่เป็นที่สูง เมื่อประจุลบกับบวกมาเจอกันเคลื่อนที่สวนทาง จึงเกิดเป็นกระแสโต้กลับและเกิดเป็นฟ้าผ่าได้ในที่สุด เห็นได้ว่าวัตถุและพื้นที่ทุกจุดใต้เงาเมฆฝนฟ้าคะนองมีโอกาสเป็นจุดที่ถูกฟ้าผ่าได้หมดแม้ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าก็ตาม จุดเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่ามากที่สุดคือบริเวณที่สูง เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ประจุบวกสามารถเชื่อมโยงกับประจุลบได้ง่ายที่สุด ขณะที่ชิ้นส่วนโลหะ เช่น สร้อย แหวน กระดิ่งแขวนคอวัว แทบจะไม่มีผลต่อการเป็นสื่อล่อฟ้าเลย
สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ถูกฟ้าผ่าโดยตรง ดร.บัญชาบอกว่า สามารถได้อันตรายจากฟ้าผ่าใน 3 รูปแบบ คือ
1.ไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า เช่น หากหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า เสาอากาศ และมีบางส่วนของร่างกายแตะกับสิ่งที่ถูกฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็จะไหลเข้าสู่ลำตัวได้โดยตรง
2.ไฟฟ้าแลบจากด้านข้าง (side flash) กล่าวคือ แม้จะไม่ได้แตะจุดที่ฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าก็อาจจะ "กระโดด" เข้าสู่ตัวคนทางด้านข้างได้ (ภาพ Side Flash )
3.กระแสวิ่งตามพื้น (step voltage) คือ กระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งจากจุดถูกที่ฟ้าผ่าออกไปยังบริเวณโดยรอบ เช่น จากลำต้นลงมาที่โคนต้นไม้และกระจายออกไปตามพื้นดิน ซึ่งมักเป็นบริเวณที่น้ำเจิ่งนอง หากกระแสดังกล่าววิ่งผ่านเข้าสู่ตัวคน ก็ย่อมทำอันตราย โดยในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือ ทำให้ถึงแก่ความตายได้ สำหรับกรณีกระแสวิ่งตามพื้นนี้ เคยมีกรณีเหตุการณ์ฟ้าผ่าวัวจำนวนมากตาย และสันนิษฐาน (อย่างไม่ถูกต้องว่า) เกิดจากกระดิ่งโลหะที่แขวนคอเป็นตัวล่อ ซึ่งความจริงแล้วโอกาสที่สายฟ้าจะผ่าลงมาตรงกระดิ่งขนาดเล็กของวัวพร้อมกันหลายๆ ตัว 15 นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
กรณีรอยไหม้ที่พบบริเวณที่ใส่โลหะต่างๆ ดร.บัญชาอธิบายว่า เกิดขึ้นจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่ตัวคนได้ทั้งจากเสื้อผ้า (ซึ่งอาจเปียกน้ำ) ร่างกาย และผ่านลวดหรือโลหะ ซึ่งโลหะมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำสุด จึงทำให้กระแสไฟไหลผ่านในปริมาณมากก่อให้เกิดความร้อนและเป็นรอยไหม้ที่พบบนผิวหนัง
ทั้งนี้ การชี้แจงเรื่องฟ้าผ่านั้น ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจกับการเกิด "ฟ้าผ่า" ที่ถูกต้อง อันนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่เหมาะสมลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากฟ้า ทั้งนี้ สถานที่หลบภัยจากฟ้าผ่าคือภายในตัวอาคาร หรือรถยนต์ที่ปิดกระจก โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่สัมผัสกับวัสดุที่เชื่อมต่อกับอาคารหรือตัวรถด้านนอกซึ่งอาจถูกฟ้าผ่าได้ งดการใช้โทรศัพท์แบบมีสาย ถอดปลั๊กโทรทัศน์ และไม่ควรเล่นอินเตอร์เนตที่เชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ เพราะกระแสไฟฟ้าจากอาคารสามารถวิ่งมาตามสายโทรศัพท์ได้ ขณะที่คนซึ่งอยู่กลางแจ้งเมื่อเกิดฟ้าผ่าให้นั่งยองๆ ก้มศีรษะเพื่อลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันและเขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงกรณีกระแสไฟไหลมาตามพื้น


ที่มา นสพ.มติชน
เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1268201

8 เหตุผลที่ทำให้เรารักโรงเรียน

1. เพราะโรงเรียน ทำให้เย็นวันศุกร์มี ความหมาย
ไม่มีวันไหนที่ จะทำให้เรา รอคอยได้มากเท่า เย็นวันศุกร์ อีกแล้ว เป็นวันที่ พิเศษที่สุด ของ วันที่เราต้อง ไปโรงเรียนเลย ก็ได้ ทุกคนจะ พร้อมใจ เทคะแนน ให้เป็น ขวัญใจดีเดย์ ในรอบสัปดาห์ อยากให้เย็นวันศุกร์ มาถึงเร็ว ๆ ใครไม่เคยรอบ้างล่ะ อยากรู้นัก จะได้หยุด เสาร์ - อาทิตย์ กันอีกรอบนึงไง แหม ! พูดแล้ว ก็คิดถึงจังเลยเจ้าวันศุกร์เนี่ย
2. เพราะที่โรงเรียน มีวันปิดเทอม
โอ้... วัน ปิดเทอม จะมีที่ไหนมี ถ้าไม่ใช่ที่ โรงเรียน มีเรียน ก็ต้องมีหยุดพัก กันบ้าง ไม่งั้นสมอง แตกกระจุย กันพอดี เป็นที่เดียว ในโลก แน่ ๆ เลยที่วิเศษ ขนาดนี้ อยากให้ เปิดปุ๊ป ปิดปั๊ป บ่อย ๆ จะได้รักมาก ขึ้นอีก 10 เท่า พอโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ เราก็คงไม่ได้ มีวัน ปิดเทอม กัน อีกแล้ว แล้วจะไม่ให้ เรารัก โรงเรียน ได้ยังไงกันล่ะ
3. เพราะโค้กที่โรงเรียนราคาถูกกว่าที่ 7-eleven
จะกินโค้กแก้วละ 5 บาทได้กี่ที่กันหล่ะในโลกนี้ เผลอ ๆ กินหมดแก้วยังไปแอบเติมได้อีก แหม ! ใคร ๆ เขาก็ทำกัน อย่าบอกเชียวนะว่า ไม่เคย โกรธกันตายเลย ก็มันโกหกกันแหงม ๆ อยู่แล้ว ถึงแก้วจะใหญ่กว่า ที่อื่น แต่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเรานี่นา ... เราต้องการโค้ก...ส่งโค้กมาซะดี ๆ
4. เพราะหน้าโรงเรียนมีทางม้าลาย
เจ้าทางม้าลาย แบนแต๊ดแต๋ ที่หน้าโรงเรียน เราชื่อ บู้บี้ เจอกันทุกวัน มันจะพาเรา ไปอีกฝั่ง ของถนน โดยการขี่ ของคุณลุงจราจร พุงกลม มันกระซิบ พวกเราว่า คุณลุงตัวหนัก ไปหน่อย แต่ก็เป็น คนที่ใจดีที่สุด ในโลกเลย เฮ้อ ... ไม่รู้ว่ตอนนี้ สบายดีรึเปล่า หวังว่า คุณลุงจราจร พุงกลม จะดูแลมัน เป็นอย่างดี เจ้าทางม้าลาย หน้าโรงเรียน ของเราเนี่ย สบายสุด ๆ เลย ไม่ต้องเหนื่อย เดินขึ้นสะพานลอย กันให้เมื่อย อยากให้ทุกที่ มีเจ้าม้าลาย อย่างที่โรงเรียนจัง
5. เพราะโรงเรียนทำให้วิ่งเร็ว
เวลาเจอคุณครู ฝ่ายปกครองเนี่ย ต้องวิ่งกันเร็วจี๋ ทุกคนเลย ไม่งั้นไม่รอด แต่คุณครู ก็วิ่งเร็วขึ้น ทุกวันนะ แข่งกันใหญ่เลย วิ่งกันทั้งโรงเรียน สนุกดี วิ่งหนีคุณครู กันจนเป็น แชมป์ไป หลายคนแล้ว อย่าบอกนะ ว่าไม่เคย มาแข่งกันดูไหมหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้ แต่เอ๊ะ... สงสัยจังเลยว่า ตอนนี้คุณครู วิ่งเร็วกว่าเรา แล้วหรือยัง...ไม่ได้วิ่งเสียนาน
6. เพราะโรงเรียนมีหลังห้อง
ความลับหลังห้อง มีอาจารย์เท่านั้นแหละ ที่ แกล้ง ไม่รู้ เล่นหลับทับกัน เป็นกองขนาดนั้น ไม่รู้ยังไง ไหว แต่ยังไงก็ต้องนอน ทุกวันนะ ไม่งั้นหลังห้อง จะน้อยใจ คิดอย่างนี้ เหมือนกัน ใช่ไหมหล่ะ
7. เพราะโรงเรียนมีห้องพยาบาล
ห้องพยาบาล ไม่เหมือนโรงพยาบาลนะ เราไม่ชอบไป โรงพยาบาล แต่ชอบไป ห้องพยาบาล ก็ไม่ต้อง ฉีดยานี่นา และอีกอย่าง ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ยังไงการรักษา มีอยู่อย่างเดียว คือ ต้องนอนพัก กันไว้ก่อน แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง พอใกล้เวลากลับบ้าน เคยเป็นกัน บ้างไหมล่ะ เจ้าโรคนี้น่ะ เพื่อน ๆ เราเป็นกันทุกคน รักษาไม่เคยหาย เป็นโรคติดต่ออีกต่างหาก เฮ้อ... โรคร้ายประจำ ห้องพยาบาล
8. เพราะโรงเรียน ทำให้เราโต ขึ้นอย่าง คนที่มีคุณภาพ
เราจะเบื่อ ได้ทุกข้อกับกฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ของ โรงเรียน เบื่อได้ทุก วิชาตลอด การเรียนมาจน จบแหล่มิจบแหล่ แต่แล้ว ในวันหนึ่งที่เราจากมา เราได้เรียนรู้วว่า สิ่งที่น่าเบื่อ เหล่านั้น ทำให้เราคิดถึง อยู่เสมอว่า เรามีวันนี้อยู่ได้ อย่างไร

เครดิต : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=52&post_id=1267391

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

Cross Word

วันนี้เอา Cross Word มาให้เพื่อนๆลองเล่นกันน่ะค่ะ
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1221481780.68817_34___________.htm&mime=text/html

Link Blog ของเพื่อนๆ

Link Blog ของเพื่อนน๊ะค๊ะ
คนแรกเป็นเพื่อนต่างห้องที่เลขที่เดียวกันน่ะค่ะ นั่นคือ นางสาวอุมารินทร์ ปิ่นแก้ว เลขที่ 34 เพื่อนคนนี้อยู่ ม.4/2ค่ะ
http://mai34.blog.mthai.com/
สำหรับเพื่อนอีกคนที่อยู่ม.4/1นั้น ไม่มีเลขที่ 34 ค่ะ เนื่องจากห้องนั้นมีแค่ 31 คนค่ะ
ต่อจากนี้เป็นเลขที่ต่อจากเราอีก 10 คนน่ะค่ะ เข้าไปเยี่ยมเพื่อนๆเราด้วยน่ะค่ะ
35 http://nileiiwarissara.blogspot.com/ นางสาว วริศรา ตระกาลรังสี
36 http://pikapoopekeuhu.blogspot.com/ นางสาว วิรดา สมคำ
37 http://kira-misa.blogspot.com/ นางสาวศิวาพร ทองขาว
38 http://blog.hunsa.com/kasinanaka นางสาวกสิณา กาลสี
39 http://blog.hunsa.com/jazzieez นางสาวนภัส บุญญานุเคราะห์สุข
40 http://blog.hunsa.com/violetfruityii นางสาวปาณิศา รอดไป
41 http://blog.hunsa.com/maiizy นางสาววิลาสินี อนุพงศ์พัฒน์
42 http://blog.hunsa.com/onanong42 นางสาวอรอนงค์ ชูใจ
43 http://blog.hunsa.com/pooh.baba นางสาวอุไรรัตน์ ชินโสด
01 http://blog.hunsa.com/bbbananut23 นายคณาวุฒิ กล่ำทอง

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

ความรู้สึกกีฬาสี

ความรู้สึกเมื่อตอนกีฬาสีหรอค่ะ
สนุกสุดๆไปเล้ยยยยยย แบบว่าเชียร์กีฬาสนุกมากมาย
ที่ร.ร.ของเรามี 6 สีด้วยกัน
มีสีเขียว ฟ้า ม่วง ส้ม ชมพู เหลือง
ปีนี้เราอยู่สีเหลืองอ่ะ ซ้ำด้วย
ไม่อยากอยู่ซ้ำเลยอ่ะ เลยอยู่ไม่ครบ 6 สี 6 ปีเลยอ่ะ
เมื่อตอนม.ต้นอยู่สีเขียว ม่วง เหลือง แล้วมาม.4 ก้อสีเหลืองอีกแระอ่า งุงิ
แต่ก้อน่ะไม่เป็นไร เด๋วเอาใหม่ เรียงแบบนี้
เขียว ม่วง เหลือง เหลือง ม่วง เขียว
เหอๆ แนวดี ไม่มีคัยเหมือน อิอิ

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

สรุปเรื่อง

เมื่ออิเหนาได้จินตะหรา ธิดาท้าวหมันหยาเป็นชายา และไม่ยอมกลับไปอภิเษกกับบุษบา ท้าวดาหากริ้วมากจึงประกาศว่า กษัตริย์ผู้ใดมาขอบุษบาก็จะยกให้ ระตูจรกา อนุชาของระตูเจ้าเมืองล่าสำ ได้เห็นรูปบุษบาได้มาสู่ขอบุษบาเป็นคู่ตุนาหงัน ในเวลาใกล้ๆกันนั้น วิหยาสะกำเจ้าชายหนุ่มรูปงาม โอรสของท้าวกะหมังกุหนิงได้ส่งทูตไปขอบุษบา แต่ถูกท้าวดาหาปฏิเสธ จึงเรียกน้องชายที่เป็นเจ้าเมืองประหมัน และปะหยังมาช่วยรบ แม้น้องชายทั้งสองของท้าวกะหมังกุหนิงจะทรงทัดทานมิให้ทำศึกแต่ก็มิอาจทำให้ทรงเปลี่ยนพระทัยได้เลย

ฝ่ายท้าวดาหา ได้ส่งข่าวศึกไปยังเมืองกุเรปัน ซึ่งทรงใช้ให้กะหรัดตะปาตี ยกทัพมาพร้อมกับทรงมีราชสาส์นไปถึงอิเหนากับท้าวหมันหยา อิเหนาจึงยกทัพมาพร้อมกับระเด่นดาหยนคุมกองทัพหมันหยามาด้วย ด้านเมืองกาหลังได้ส่งตำมะหงงและดะหมังยกทัพมาช่วย เมืองสิงหัดส่าหรีได้ให้สุหรานากงยกทัพมาช่วย

ในการรบวิหยาสะกำเข้ารบกับสังคามาระตาและถูกสังคามาระตาแทงด้วยทวนจนถึงแก่ชีวิต ท้าวกะหมังกุหนิงเข้ารบกับอิเหนาและถูกอิเหนาใช้กริชแทงถึงแก่ชีวิตเช่นกัน ฝ่ายระตูทั้งสองคือ ท้าวประหมันและท้าวปะหยังเห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงขอยอมแพ้แก่อิเหนาในที่สุด

นิทานเวตาล

เรื่องย่อ นิทานเวตาล

ณ ฝั่งแม่น้ำโคทาวรี มีพระมหานครแห่งหนึ่งตั้งอยู่นามว่า
ประดิษฐาน ที่เมืองนี้ในสมัยบรรพกาลมีพระราชาธิบดีองค์หนึ่ง
ทรงนามว่า ตริวิกรมเสน ได้ครองราไชศวรรย์มาด้วยความผาสุก
พระองค์เป็นราชโอรสของพระเจ้าวิกรมเสนผู้ทรงเดชานุภาพเทียมท้าววัชรินทร์
ต่อมาได้มีนักบวชชื่อ ศานติศีล ได้นำผลไม้มาถวายทุกวันมิได้ขาด
ซึ่งพระราชาแปลกใจ และได้ไปพบในคืนหนึ่งตามนัด ได้ถามถึงเหตุผล
และเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ โยคีศานติศีลจอมเจ้าเล่ห์ได้ขอให้พระราชาตริวิกรมเสน
นำเวตาลมาให้ตนเพื่อจะประกอบมหายัญพิธี
พระราชาผู้มีสัจจะเป็นมั่น ได้ไปนำเวตาลมาให้โยคีเจ้าเล่ห์
แต่เวตาลก็พยายามหน่วงเหนี่ยวด้วยการเล่านิทานทั้งสิ้น ๒๔ เรื่องด้วยกัน
ซึ่งแต่ละเรื่องจะมีคำถามให้พระราชาตอบ โดยมีข้อแม้ว่า หากพระราชาทราบคำตอบแล้ว
ไม่ตอบ ศีรษะของพระราชาจะต้องหลุดจากบ่า และหากพระราชาเอ่ยปากพูด
เวตาลก็จะกลับไปสู่ที่เดิม
และก็เป็นดังนั้นทุกครั้ง ที่พระราชาตอบคำถามของเวตาล
เวตาลก็จะหายกลับไปสู่ต้นไม้ที่สิงที่เดิม พระราชาก็จะเสด็จกลับไปเอาตัวเวตาลทุกครั้งไป
จนเรื่องสุดท้ายพระราชาไม่ทราบคำตอบ ก็ทรงเงียบไม่พูด เวตาลพอใจในตัวพระราชามาก
เพราะเป็นพระราชาผู้ไม่ย่อท้อ ผู้มีความกล้าหาญ ทำให้เวตาลบอกความจริง
ในความคิดของโยคีเจ้าเล่ห์ ว่าโยคีนั้นแท้จริงแล้ว ต้องการตำแหน่งราชาแห่งวิทยาธร
โดยจะเอาพระราชาเป็นเครื่องสังเวยในการทำพิธี และอธิบายถึงวิธีกำจัดโยคีเจ้าเล่ห์
เมื่อพระราชาเสด็จมาถึงโยคีตามที่นัดหมายไว้ ก็ปรากฎว่าโยคี
ได้เตรียมการทำอย่างที่เวตาลได้บอกกับพระราชาไว้ พระราชาจึงแก้โดยทำตาม
ที่เวตาลได้อธิบายให้พระราชาฟัง พระราชาจึงได้ตำแหน่งราชาแห่งวิทยาธร
และเวตาลได้บอกกับพระราชาตริวิกรมเสนว่า "ตำแหน่งนี้ได้มาเพราะ
ความดีของพระองค์ ตำแหน่งนี้จะคอยพระองค์อยู่หลังจากที่ทรงเสวยสุข
ในโลกมนุษย์จนสิ้นอายุขัยแล้ว ข้าขอโทษในกาลที่แล้วมาในการที่ยั่วยวน
ประสาทพระองค์ แต่ก็ไม่ทรงถือโกรธต่อข้า บัดนี้ข้าจะถวายพรแก่พระองค์
ขอทรงเลือกอะไรก็ได้ตามใจปรารถนาเถิด" พระราชาก็ตรัสว่า
"เพราะเหตุที่เจ้ายินดีต่อข้า และข้าก็ยินดีในความมีน้ำใจของเจ้าเช่นเดียวกัน
พรอันใดที่ข้าจะปรารถนาก็เป็นอันสมบูรณ์แล้ว ข้าเพียงแต่อยากจะ
ขออะไรสักอย่างเป็นที่ระลึกระหว่างข้ากับเจ้า นั่นก็คือนิทานที่เจ้ายก
ปัญหามาถามข้าถึงยี่สิบสี่เรื่อง และคำตอบของข้าก็ให้ไปแล้วเช่นเดียวกัน
แลครั้งที่ยี่สิบห้าคือวันนี้ถือเป็นบทสรุป แสดงอวสานของเรื่อง
ขอให้นิทานชุดนี้จงมีเกียรติแพร่กำจายไปในโลกกว้าง”
เวตาลก็สนองตอบว่า “ขอจงสำเร็จ โอ ราชะ บัดนี้จงฟังเถิด
ข้าจะกล่าวถึงคุณสมบัติที่ดีเด่นของนิทานชุดนี้ สร้อยนิทานอันร้อยรัดเข้า
ด้วยกันดังสร้อยมณีสายนี้ ประกอบด้วยยี่สิบสี่เรื่องเบื้องต้น แลมาถึงบทที่ยี่สิบห้า
อันเป็นบทสรุปส่งท้าย นับเป็นปริโยสาน นิทานชุดนี้จงเป็นที่รู้จักกันในนามของ
เวตาลปัญจวิงศติ (นิทานยี่สิบห้าเรื่องของเวตาล) จงมีเกียรติยศบันลือไปในโลก
และนำความเจริญมาสู่ผู้อ่านทุกคน ใครก็ตามที่อ่านหนังสือแม้แต่โศลกเดียว
หรือเป็นผู้ฟังเขาอ่านก็เช่นเดียวกัน จักรอดจากคำสาปทั้งมวล บรรดาอมนุษย์ทั้งหลาย
มียักษ์ เวตาล กุษมาณฑ์ แม่มด หมอผีและรากษส ตลอดจนสัตว์โลกประเภทเดียวกันนี้
จงสิ้นฤทธิ์เดชเมื่อได้ยินใครอ่านนิทาน อันศักดิ์สิทธิ์นี้”
พระศิวะได้ฟังเรื่องของต่าง ๆ ของเวตาลจบก็กล่าวชื่นชมในองค์
พระราชาตริวิเสนมาก ซึ่งพระศิวะได้สร้างจากอนุภาคโดยให้มาปราบอสูรคนร้ายต่าง ๆ
เมื่อพระราชาตริวิกรมเสนได้เป็นจอมราชันแห่งวิทยาธรทั้งโลกและสวรรค์แล้ว
ก็เกิดความเบื่อหน่าย หันไปบำเพ็ญทางธรรมจนบรรลุความหลุดพ้น

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ค ว า ม รั ก แ ล ะ ค ว า ม รู้ สึ ก ดี ดี

บางครั้งเคยสงสัยว่า..
ทำไมเราถึงเลือกที่จะบอก ... รัก ... คนหนึ่ง
ในขณะที่อีกคนกับบอกแค่ว่า ... รู้สึกดีดี ...

ใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่า...
ความรู้สึกดีๆ มันมีอณูที่เล็กกว่า ความรัก
มันสามารถแทรกซึมผ่านช่องว่างของหัวใจ
..เติมเต็มสิ่งที่ขาดได้..

มันคล้ายกับเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ของความรัก
รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ให้แสงแดดที่พอเหมาะ
เอาใจใส่ ดูแล ทะนุถนอม สักวันเมล็ดพันธุ์นั้น
จะเติบใหญ่กลายเป็น "ต้นไม้แห่งความรัก"

มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าชอบแต่ไม่ใช่รัก
และมีแนวโน้มว่าจะพัฒนาต่อไป...

ในขณะเดียวกัน..
เรารักใครหนึ่งคนอยู่แล้ว แต่กลับรู้สึกดีดีกับใครอีกหลายคน
นั่นคืออะไร?

เพราะโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
คนหนึ่งคนไม่สามารถเป็นและให้ทุกอย่างที่เราต้องการได้
คนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆเดียว ที่เข้าใจเรา
คนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆเดียว ที่ใส่ใจเรา
คนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆเดียว ที่เชื่อใจเรา


เมื่อมีใครมาเข้าใจ ใส่ใจ มีหรือจะไม่รู้สึกดี
หัวใจก็ย่อมไหวเอน เชื่อเถอะว่าเป็นทุกคน...
..ถ้าไม่โกหกตัวเอง..

ความรู้สึกดีๆ..เกิดจากความผูกพันทางใจ สุข ทุกข์
เราร่วมรับรู้ ไม่ใช่แค่ระยะเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น

ในเมื่อโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ
จงยอมรับในความสมบูรณ์แบบของกันและกัน
ความรู้สึกดีๆอาจเกิดกับใครตอนไหนเมื่อไรก็ได้
แต่ความรัก มันเกิดจากกระบวนการซับซ้อนของหัวใจ
ต้องใช้เวลาในการถักทอ สายใยเบาบางนั้นขึ้นมา...

มันอาจเป็นความรู้สึกพิเศษๆละม้ายคลายกัน
แต่ในเชิงความหมายแตกต่างแน่นอน

_________________________________

เครดิต : pun-pun

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อ ย่ า ก ลั ว ที่ จ ะ รั ก

คำว่ารัก...
จะว่าซับซ้อนก้อซับซ้อน จะว่าง่ายก้อง่าย
ความรัก..อาจช่วยเยียวยาบาดแผลสำหรับคนที่เคยโดดเดี่ยว
แต่บางครั้ง ความรักก้อเป็นตัวสร้างบาดแผลนั้นเสียเอง
มีคำกล่าวหนึ่ง พูดถึงความรักไว้ว่า
"ความรักจะเริ่มต้นขึ้น
เมื่อคนๆหนึ่งรู้สึกว่าความต้องการของอีกคนหนึ่ง
มีความสำคัญเท่ากันกับตัวเอง"
และเมื่อเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คำถามที่ตามมาก้อคือ
เราควรที่จะกล้าแสดงความรู้สึกนี้ของตัวเองออกมาดีหรือไม่ดี
ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน
ว่าเขามีเงื่อนไขต่อความรักของตัวเองยังไง
บางคนมีความหวังสูงกับความรัก
คือเมื่อรักแล้วก็ต้องการถูกรักตอบ
เมื่อมีความหวัง
ก็คงหนีไม่พ้นที่จะมีความหวาดกลัวตามมา
กลัวที่จะผิดหวัง กลัวที่จะเสียใจ
ก้อเลยลังเลว่าจะรักต่อไปดีไหม
แต่สำหรับบางคนที่แตกต่าง
เขากลับพร้อมที่จะรัก ที่จะคิดถึงใครสักคน
ถึงแม้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างนั้นเพียงฝ่ายเดียว
แต่เมื่อทำไปแล้วมีความสุขก็เลยขอที่จะทำต่อไป
โดยไม่คาดหวังอะไรจากคนๆนั้นเลย
เพียงแค่จะรู้สึกดีกับตัวเองที่มีโอกาศได้รักใครบ้าง
ก็เท่านั้น...
ค ว า ม ค า ด ห วั ง
น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญของความรักเลยทีเดียว
หากเราลดความคาดหวังลงไปบ้าง
เราอาจจะ"รู้สึกดี"กับความรักมากขึ้น
และกล้าที่จะรักมาขึ้นอีกก็ได้